ตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปี 2023 เราเผชิญความเปลี่ยนแปลงที่กลายมาเป็นประเด็นและความท้าทายใหม่ๆ ต่อสังคมหลากหลายมิติ ทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ข่าวผู้สูงอายุอาศัยอยู่ตามลำพัง เศรษฐกิจตกต่ำ เกิดโรคอุบัติใหม่ หลายบริษัทและโรงงานต้องปิดตัวหรือย้ายฐานการผลิต การกระจายรายได้ที่ไม่เป็นธรรม การแข่งขันทางเศรษฐกิจและการเมืองในระดับโลก ไปจนถึงปัญหาน้ำท่วม ไฟไหม้ และมลพิษหลายจังหวัด
เมื่อความไม่แน่นอนมาเคาะถึงประตูบ้านเราทุกคน การคาดการณ์อนาคตเพื่อนำไปสู่การปรับตัวและเปลี่ยนแปลงจะเป็นกระบวนการที่สำคัญให้เราและภาครัฐสามารถเตรียมความพร้อมรับมือและปรับตัวได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปรับตัวเพื่อยกระดับการสร้างสุขภาพที่ดีของเราทุกคนในอนาคต
เมื่อความท้าทายมาถึง ระบบสาธารณสุขภาพไทยจะปรับตัวอย่างไร
จากการประชุมเชิงปฏิบัติการณ์สำหรับคาดการณ์อนาคตเพื่อปรับปรุงการเข้าถึงบริการสุขภาพของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง TPLab สปสช. และสถาบันอนาคตไทยศึกษา (TFF) โดยผู้บริหารจากคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขได้สะท้อนถึงมิติสัญญาณการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต เพื่อประเมิน คาดการณ์ และหาทิศทางของอนาคตวงการสาธารณสุขไทย สู่การจัดทำแผนปฏิบัติการของ สปสช. ในระยะที่ห้า (2023-2027) ผ่านกระบวนการ Foresight กระบวนการเวิร์กช็อปและการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเชิงลึกที่ถูกออกแบบมาช่วยมองอนาคตระบบสาธารณสุขไทย ผ่านชุดคำถามพื้นฐานที่สำคัญต่อระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย เพื่อเก็บข้อมูล วิเคราะห์ สังเคราะห์ ตลอดจนสร้างข้อเสนอและแนวทางการพัฒนากลยุทธ์และนโยบาย
ข้อสรุปจากกระบวนการได้มองเห็นอนาคตระยะสั้นถึงกลาง (3-10 ปี) หรือ Megatrend ซึ่งจะเป็นแว่นอันใหม่ เพื่อนำมาใช้กำหนดทิศทางการพัฒนาเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนในภาพรวม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเด็น
5 Megatrends สู่การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพ เพื่อพลเมืองทุกคน
- Internet of Health
ชีวิตที่ไร้อินเทอร์เน็ตก็เหมือนมีอวัยวะจำเป็นที่หายไป ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอินเทอร์เน็ตช่วยย่นทั้งระยะเวลา และระยะทางในการติดต่อสื่อสาร อินเทอร์เน็ตเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยเหลือผู้ป่วยในการแพร่ระบาดของโควิดที่ผ่านมา อีกทั้งคือเป็นเส้นทางไปสู่โอกาสของระบบสาธารณสุขไทย
เพราะการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อสุขภาพผ่านโลกออนไลน์ โอกาส คือ ความสามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่ห่างไกลให้เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น และสามารถจัดเก็บข้อมูลสุขภาพในคลาวด์เพื่อให้ทุกโรงพยาบาลมีข้อมูลผู้ป่วยร่วมกันโดยที่ไม่ต้องเริ่มจัดทำประวัติใหม่และสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวได้ในทันที ซึ่งถือเป็นการลดขั้นตอนในการให้บริการ
เราสามารถเห็นกระแสนี้ได้จากเทรนด์ที่ผู้ใช้บริการถึง 69% มักเลือกปรึกษาตู้ VR (Virtual Reality) ก่อนมาพบบุคลากรทางการแพทย์ หรือจากการลดค่าใช้จ่ายได้เกือบถึง 100,000 บาทเมื่อใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ผ่าตัดทางไกล
แต่ก็มีความท้าทายตามมา เป็นบททดสอบทั้งเรื่องความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี ความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วย และการประนีประนอมเพื่อลดแรงเสียดทานจากกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากระบบเดิม หากรัฐปรับตัวได้เร็ว อินเตอร์เน็ตจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปได้ง่ายขึ้น
- Human Dynamics for Well-being
ความหมายของคำว่า ‘สุขภาพดี’ ในโลกยุคปัจจุบัน คือสุขภาพกายที่ดีและสุขภาพจิตที่ดีของพลเมืองที่มีส่วนสำคัญในการสร้างสังคมให้น่าอยู่ แต่บนปัจจัยหรือเงื่อนไขที่ต่างกัน ก็ทำให้แต่ละคนมีปัญหาในเชิงสุขภาพที่ต่างกันออกไป การต่อยอดชุดนโยบายเพื่อสุขภาพที่ดีนอกจากจะต้องทำให้ครอบคลุมทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจแล้ว จึงต้องออกแบบให้สามารถรองรับความหลากหลายของความต้องการจากพื้นหลังทางเศรษฐกิจ และสังคมที่หลากหลาย เช่น อัตลักษณ์ทางเพศหรือเชื้อชาติ หรือแม้กระทั่งวัย รวมไปถึงการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อการนำไปใช้ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โอกาสคือระบบสาธารณสุขไทยต่อยอดในการใช้เทคโนโลยีมาช่วยคำนวณงบประมาณได้อย่างแม่นยำขึ้น สามารถสามารถดึงดูดแรงงานที่มีทักษะสูง ตอบโจทย์แต่ละช่วงวัย และสามารถผลักดันสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ได้ เมื่อภาวะสุขภายกายและจิตใจดีสำหรับทุกคนแล้ว จะทำให้ทุกคนสามารถผลักดันศักยภาพทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่
แต่อย่างไรก็ตาม ความท้าทายเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีให้เป็นไปตามเป้าหมายนี้ คือ จะทำอย่างไรถึงจะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลคนทั้งประเทศได้ ทั้งจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน พลเมืองชาวไทยที่อยู่ทั้งในและนอกราชอาณาจักร โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลจากกระดาษสู่ดิจิทัลที่ต้องทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้นไม่ใช่ช้าลงกว่าเดิม และยังคงปกป้องผลประโยชน์ของประชากรทุกระดับเอาไว้เหมือนเดิม
- An Era of New Risk Frontiers
Learning Curve ที่สำคัญมากๆ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คือ ปัญหาอาจจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ ความรุนแรงอาจจะมากกว่าที่คนทั่งโลกจินตนาการ และไม่มีการขอเริ่มต้นใหมสำหรับประเทศที่ยังไม่พร้อมรับมือ ทางเดียวที่จะทำให้เรารับมือได้ดีคือการเตรียมตัวที่ดี และคนทั้งสังคมต้องเห็นสิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญด้วยเช่นกัน
โอกาสจากกระแสโลกที่ต่างพยายามตั้งรับกับความเสี่ยงด้านใหม่ๆ ทั้งจากผลสงคราม โรคภัย และปัญหาสิ่งแวดล้อม คือ การจัดสรรงบประมาณและบุคคลากรเพื่อตั้งรับความเสี่ยงนี้ในอนาคต เช่น เปิดศูนย์จัดการความเสี่ยงเพื่อดูแลสุขภาพทั้งในระยะสั้น-กลางอย่างทันท่วงที และการเพิ่มทักษะให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงในอนาคตได้ (Future Thinking)
แต่ความท้าทายที่จะต้องเผชิญ คือ ระบบการทำงานเป็นขั้นตอนแบบราชการ และขนาดขององค์กรที่ซับซ้อน เพราะการทำงานแบบบูรณาการต้องอาศัยความยืดหยุ่น คล่องตัว อาจมีบางหน่วยงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพโดยตรง คำถามคือจะทำอย่างไรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลไกสำหรับอนาคตนี้ได้จริง
- People-Centric Prosumer
ถ้ามีคะแนน 1-10 คิดว่าตัวเองไว้ใจรัฐมากแค่ไหน การที่คนไทยดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้เจ็บป่วย เกิดจากวินัยในฐานะพลเมืองที่ดี หรือรู้สึกว่าไม่มีใครดูแลคุณได้ดีนอกจากตัวของคุณเอง? นโยบายที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางจะสร้างความเชื่อใจให้กับประชาชนว่ารัฐสามารถจัดการปัญหาต่างๆ ในฐานะหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่ได้รับการมอบหมายจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง
โอกาส คือ การเพิ่มความสำคัญกับบทบาทของประชาชนในฐานะผู้รับบริการและผู้ดูแลสุขภาพของตัวเองและชุมชน การเพิ่มบทบาทการแพทย์ทางเลือกเพื่อรองรับความต้องการที่หลากในอนาคต การผลักดันให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาระบบสาธารณสุขไทย รวมถึงการผสมผสานการใช้อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง เช่น นาฬิกา บนโอกาสที่นอกจากจะส่งเสริมให้ผู้คนรักษาสุขภาพมากขึ้น แล้วยังสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อวิจัยนวัตกรรมและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ฉะนั้นนอกจากรัฐที่ต้องทำหน้าที่ดูแลสุขภาพของคนทั้งประเทศแล้ว เรายังเพิ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอีกหลายส่วนเข้ามาช่วยกันพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ได้ เช่น ผู้ผลิตนาฬิกาเพื่อสุขภาพ ฟิตเนส หรือแม้กระทั่งองค์กรทางศาสนาเพราะความแข็งแรงของนักบวชก็สำคัญเช่นกัน
ความท้าทายที่จะตามมา คือ รัฐจะสามารถนำชุดข้อมูลมหาศาลที่จัดเก็บได้จากผู้ใช้บริการมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร และรัฐพร้อมหรือยังที่จะเป็นผู้ออกแบบระบบให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง เพราะนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงระดับพฤติกรรม เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงสิทธิที่จะได้รับการรักษาและดูแลเป็นอย่างดีจากรัฐบาล
- Decentralise Financial Models
ถ้านักนโยบายเคยได้ยินคอนเซ็ปท์ของบล็อกเชนมาอยู่บ้างก็จะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเทรนด์ของคนทั้งโลกอย่างแท้จริง เทรนด์นี้คือรูปแบบการจัดสรรเงินแบบกระจายอำนาจ เนื่องจากโลกมีความไม่แน่นอนและผันผวนสูงมาก ดังที่จะเห็นได้จากสงครามและโรคระบาด การจัดสรรเงินรูปแบบนี้จะทำให้เกิดความยั่งยืนของทั้งงบประมาณและสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพมากขึ้น เน้นเสริมแรงจูงใจและคุณค่าของผู้ใช้งานมากกว่าการสนับสนุนที่ปลายน้ำของการรักษา นอกจากนั้น ยังสำรวจแหล่งที่มาของเงินดูแลสุขภาพใหม่ๆ ในอนาคต เช่น ที่เดนมาร์ก ท้องถิ่นร่วมกันจ่ายให้กับโรงพยาบาลเพื่อป้องกันโรค หรือ กรรมการชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจให้งบหรือระดมทุนเพื่อดูแลผู้สูงวัยในนิวซีแลนด์
โอกาสเพื่อนำไปสู่การจัดสรรเงินรูปแบบใหม่ ต้องมาพร้อมกับการกระจายอำนาจลงท้องถิ่นเพราะพื้นที่แต่ละแห่งย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกัน ข้อมูลที่แท้จริงซึ่งได้จากความต้องการของคนทั้งประเทศอาจมีส่วนขยายสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธาณสุขให้ครอบคลุมมากกว่าเดิม การมีส่วนร่วมของประชาชนจึงมีความสำคัญไม่ใช่เป็นเพียงผู้รับการรักษาเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันนโยบายอีกด้วย
ความท้าทาย คือ การวางแผนที่ดี เพื่อออกแบบนโยบายสำหรับการจัดสรรงบประมาณของท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดที่จะสามารถลดการพึ่งพิงส่วนกลางได้จริง เป็นทิศทางอันจะนำไปสู่การขยายสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพของประชาชนได้อีกด้วย เพราะการขยายความครอบคลุมต้องใช้เงินลงทุนเสมอ ถ้าคนในพื้นที่ตระหนักเพียงพอที่จะยอมจ่ายและลงทุนเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับกลับมาพัฒนาหลักประกันสุขภาพแล้ว ก็จะยิ่งนำไปสู่การขยายสิทธิอย่างยั่งยืนในอนาคต
และไม่ใช่แค่นักนโยบายด้านสาธารณสุขเท่านั้น Mega Trend ทั้ง 5 ได้ครอบคลุมปัจจัยด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และการเมือง อย่างแยกจากกันไม่ได้ การนำเสนอเทรนด์ทั้ง 5 นี้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้มีอำนาจตัดสินใจจะสร้างความเป็นไปได้ให้เห็นภาพยิ่งขึ้น
กลยุทธ์ 3 Re เพื่อผลักดันศักยภาพระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย
การปรับบทบาท (Refine) หรือปรับมุมมองทั้งหน้าที่และความรับผิดชอบของหน่วยงานภาครัฐ ให้สามารถตระหนักถึงศักยภาพตนเองต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทย เพราะปัจจุบัน หน่วยงานภาครัฐมีมากและซับซ้อนจนประชาชนทั้งในเขตเมืองและชนบทต่างสับสนว่า ถ้าฉันมีปัญหาตรงนี้แล้ว ฉันจะต้องวิ่งไปหาใคร จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราสามารถปรับบทบาทของหน่วยงานเหล่านั้นให้สามารถให้บริการประชาชนได้ครอบคลุมโดยไม่ต้องเกี่ยงกัน ตรงนี้จะนำไปสู่การลดต้นทุน ทั้งค่าใช้จ่ายสำหรับติดต่อหน่วยงานราชการ ไปจนถึงลดระยะเวลาและขั้นตอนที่ซับซ้อนได้ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายและไม่ซับซ้อน
การขยายบทบาท (Reframe) คือ การเพิ่มบทบาท หรือเพิ่มความรับผิดชอบจากเดิมที่เคยทำอยู่ สู่การเพิ่มการให้บริการประชาชนเพิ่มเติมที่ครอบคลุมและสอดรับกับความต้องการของประชาชน เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าเดิมทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น
การเพิ่มบทบาทสามารถส่งเสริมได้ตั้งแต่ การเพิ่มบทบาทไปรษณีย์ไทยจากเดิมที่รับส่งจดหมายและพัสดุให้สามารถจัดส่งยาแก่ประชาชนได้ ร้านขายยาที่สามารถเป็นผู้ให้บริการฉีดวัคซีนหรือคัดกรองโรคเบื้องต้นเพื่อลดภาระต้นทุนแก่ประชาชนให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงลดภาระของโรงพยาบาล หรือให้หน่วยงานที่เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องโดยตรงอื่นๆ สามารถเป็นผู้ให้ความรู้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันด้านสุขภาพแก่ประชาชน
การตอบโจทย์ในอนาคต (Reimagine) เพราะการคาดการณ์อนาคตไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าราชการและพนักงานไม่ใช่หมอดู กลยุทธ์ Reimagine คือการเข้าไปทำให้หน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง มีองค์ความรู้ วิธีการ และเครื่องไม้เครื่องมือ เช่น เทคโนโลยี ที่เพียงพอสำหรับป้องกันความเสี่ยง และวางแผนเพื่อตอบโจทย์ความไม่แน่นอนในอนาคตได้โดยไม่ต้องเปิดไพ่ สู่การเป็นหน่วยงานนักพยากรณ์
กลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์ในอนาคตจะช่วยเปิดมุมมอง เพื่อมองหาโอกาสใหม่ๆ ความเสี่ยงใหม่ๆ และผลักดันศักยภาพของตัวเองให้สามารถบูรณาการเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นระดับโลกและพร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่ยังมาไม่ถึงในอนาคตต่อไป
จากการประชุมศึกษาในครั้งนี้ ได้สร้างเส้นทางมุ่งสู่อนาคตตอบโจทย์ทุกมิติโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 5 Megatrends จากความมุ่งมั่นของหน่วยงานภาครัฐของประเทศไทยและ TP Lab คือแว่นตาเพื่อแสวงหาโอกาสและเครื่องมือออกแบบกลยุทธ์การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย กลยุทธ์ทั้ง 3 คือแนวทางหลักไปสู่การเอาชนะความท้าทายของยุคสมัย บนเป้าหมายแห่งการคุ้มครองสิทธิของพลเมืองไทยด้านสาธารณสุข
ไม่เพียงเท่านี้ การปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงที ก็เพื่อต่อยอดความสำเร็จไปสู่ต้นแบบระบบหลักประกันสุขภาพในระดับนานาชาติ ให้ประเทศไทยสามารถแสดงภาพความเป็นไปได้และศักยภาพของบทบาทภาครัฐในการดูแลและคุ้มครองสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐานในเวทีโลกได้ในทศวรรษถัดไป เพราะแค่เราออกเดินช้ากว่าคนอื่นไปหนึ่งวัน อาจส่งผลกระทบอย่างมหาศาลกับประชาชนอย่างที่เราอาจจะคาดไม่ถึง
อ่านรายงานการคาดการณ์อนาคตหลักประกันสุขภาพที่นี่