1) พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่พบกับความเครียดมากขึ้น ไม่สามารถเดินทางหาแรงบันดาลใจหรือผ่อนคลาย เพื่อสร้างสรรค์หรือรีบูทตัวเองได้ นอกจากสถานที่พัก หากเป็นบ้านยังพอหายเครียดได้ แต่หอหรือคอนโด ไม่สามารถมีกิจกรรมอื่นได้มากเท่าที่ควร 2) การใช้เพียงรายได้เดิมและไม่สามารถหาเพิ่มเติมได้เท่าที่ผ่านมา เริ่มน้อยลง ขณะหนี้สินยังหมุนเวียนยังไม่หยุด 3) การเสี่ยงที่จะติดและไม่สามารถที่จะได้รับการรักษาที่ไม่แน่นอน อาจส่งผลกระทบต่อคนอยู่ด้านหลังได้
มาตรการของรัฐ ทำให้เราไม่สามารถคาดการณ์หรือวางแผนอะไรได้
เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุด และรู้สึกว่าได้รับผลกระทบในทุกวัน
โควิดกระทบต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
ความไม่พร้อมของระบบสาธารณสุขในประเทศ
รัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถสร้างความไว้วางใจ ความปลอดภัย หรือความมั่นคงทางจิตใจให้แก่ประชาชนได้ การโกงกินและความไร้ประสิทธิภาพของภาครัฐบั่นทอนจิตใจอย่างยิ่ง
รัฐบาลบริหารจัดการห่วยแตก ไม่สามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานในการปกป้องและรักษาชีวิตประชาชนจากโรคระบาดได้ ไม่เตรียมความพร้อมและเห็นแก่เศษเงินทอนมากกว่าชีวิตประชาชนภายในประเทศ อีกทั้งวัคซีนพื้นฐานก็ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการต้านโควิด-19 กลายพันธุ์แล้ว เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและการใช้ชีวิตโดยรวม
นอกจากกังวลว่าจะติดเชื้อ โควิด-19 จนอาการหนัก หรือถึงขั้นเสียชีวิต ก็กังวลเรื่องสุขภาพจิต เพราะเริ่มนอนไม่หลับ หายใจไม่อิ่ม มีอาการต่างๆ มากมาย คล้ายเป็นโรคเครียด รวมถึงการ Work from home ส่งผลกับสุขภาพ ทำให้เป็นออฟฟิศซินโดรม กล้ามเนื้ออักเสบ ปวดคอ จนต้องไปหาหมอ
อยู่อาศัยคนเดียวใน กทม หากติดโควิดมา กังวลเรื่องการรักษา และรายได้ ความเป็นอยู่ มีภาระที่ต้องดูแลพ่อแม่
งานลดน้อยลง และถูกเลื่อนกำหนดออกไป
Due to the poor management of the government
อันตรายถึงชีวิต
ห่วงครอบครัว
กลัวจะติดจากคนที่ทำงาน
ติดเชื้อ แล้วไม่มีที่รักษา
กลัวมีผลกับบริษัท
คนไข้เยอะมากโอกาสติดสูง
กลัวจน ทำให้คนอื่นเสียชีวิต
ทำให้ work life ไม่ balance เหมือนเดิม
ส่งผลกระทบต่อครอบครัว
โควิดมีแต่ลดโอกาสในการทำสิ่งต่างๆมากมาย จากมาตราการของรัฐ ห้ามทำนู่นทำนี่สุดท้ายอดตาย ส่งผลต่อสุขภาพจิตต่ออีก
เพราะถ้าติดเชื้อแล้วกลัวจะไม่มีที่รักษา
เพราะโควิดทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนัก มาตรการต่างๆที่ทำให้ไม่สามารถออกไปข้างนอกและพบปะผู้คน ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อสภาวะจิตใจมากๆ และการจัดการของรัฐบาลที่แย่มากแบบมากๆ
เพราะการจัดการของรัฐบาล
การเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิต ความไม่แน่นอนจากสถานการณ์โรคระบาด และการรับมือเกี่ยวกับโควิด-19 ของภาครัฐ
หากเป็นโรคจะมีผลกระบทบต่อสุขภาพและการทำงาน และความกังวลในโรคและสถานการณ์ปัจจุบันมีโอกาสส่งผลต่อสุขภาพจิตหากโรคนี้ยังอยู่
มันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา
กลัวตายค่ะ
ติดต่อทำธุระไม่ได้
นานเกินไป
เชื้อมีหลายสายพันธุ์ ติดเร็ว มีผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ถ้าติดเชื้อ จะกระทบการทำงานและชีวิต
เพราะกลัวติด
ค่ารักษาพยาบาล และ ความตาย
มีผลต่อชีวิต
Uncertainty
เป็นโรคที่เกิดขึ้นใหม่ และยังไม่มีวัคซีนรักษาได้
รายได้ลด รายจ่ายเท่าเดิม
รัฐบาลดำเนินนโยบายควบคุมโรคระบาดอย่างไม่ได้สัดส่วน (unproportionate) ไม่มีประสิทธิผล และไม่มีประสิทธิภาพ การดำเนินนโยบายควบคุมโรคระบาดต้องคำนึงถึงความได้สัดส่วนกับสิทธิเสรีภาพและคุณค่าอื่น ๆ ในชีวิตของประชาชน นอกเหนือจากการอยู่รอดและการมีสุขภาพดี เช่น การทำงานและรายได้, การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม, leisure เป็นต้น
การเข้าถึงการรักษา ความรุนแรงและการกลายพันธ์ุของเชื้อ
ถ้าติดเชื้อแล้วอาการหนัก จะเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีและมีมาตรฐานอย่างไร
การทำงานที่บ้าน มันทำให้การจัดการชีวิตยากมาก หัวหน้าจะเอาอะไรตอนไหน ก็จะเอาให้ได้เพราะเขาถือว่าเราอยู่บ้าน
กลัวติด แล้วต้องรักษา แล้วมีปัญหาเรื่องการรักษา หรือสูญเสีย ตามมา
เพราะการบริหารที่เเย่ จนทำให้เศรษฐกิจพังการจ้างงานงานลดลงอย่างมาก
มาตรการปิดเมือง จำกัดการเดินทาง การระบาดระลอกใหม่
ติดโควิด แล้วลำบาก
วัคซีนยังไม่เพียงพอสำหรับ ปชช.
เพราะเป็นเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและยังไม่มียารักษาที่หายขาด ถ้าติดได้แค่รักษาตามอาการ ถ้าไม่ติดแต่ไม่ได้รับวัคซีนที่ดีมีประสิทธิภาพโอกาสติดก็สูงมากเช่นกัน การหางาน สมัครงานก็ยากเพราะเศรษฐกิจไม่สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มที่ เมื่อไม่มีงาน หางานยาก สุขภาพจิตก็แย่ลงตามไปด้วย
กสรแก้ไขปัญหาของภาครัฐ ไม่มีแผนงานเผชิญปัญหาอย่างมีความรู้ การสื่อสารสับสน
ต้องหารายได้เพื่อเลี้ยงคนถึง4 ชีวิตและส่งลูกเรียน
รุนแรง น่ากลัว
เพราะไม่สามารถควบคุมมันได้
เพราะรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพบริหารจัดการรับมือกับโรคบาด covid-19 ไม่ได้ ส่งผลให้เกิดการระบาดอย่างต่อเนื่อง จนมีผลกระทบในด้านอื่นๆ ตามมา เช่น ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คนตกงาน จำนวนประชาชนที่ติดเชื้อและเสียชีวิตมากเกินไป การควบคุมโรคเป็นไปได้อย่างยากลำบาก
สถิติเสียชีวิตในหมู่ผู้ติดเชื้อสูงกว่าโรคระบาดอื่นมาก
ไม่ได้มีงานที่มั่นคง เนื่อจากเป็นธุรกิจส่วนตัว
กลัวเสียชีวิต
ถ้าเราติดเชื้อกลัวทำให้คนรอบข้างติดโควิดจากเรา
ระบบราชการของรัฐไทยที่ล้าสมัย ไร้คุณภาพ และเชื่องช้า
ไม่อยากติด กลัวทำให้คนในบ้านติดซึ่งมีเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
เดินทางไม่ได้
เพราะกำลังศึกษาต่อ ทำให้ไม่มีโอกาสได้เข้าไปมหาวิทยาลัย และจากการที่กลัวติดเชื้อทำให้ไม่ได้พบปะเพื่อนและครอบครัวเลยหรือน้อยลงอย่างมาก รวมทั้งยังไมีได้ไปสถานที่ต่างๆเพื่อทำธุระและพักผ่อนหย่อนใจทำให้อาจส่งผลต่อจิตใจ
เพราะที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่หากติดแล้วกลัวจะพาไปติดคนในครอบครัว และต้องเดินทางบ่อยทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาเดินทาง
กังวลด้านสุขภาพ
กลัวเอาไปแพร่คนที่บ้าน + กลัวตาย
เพราะรัฐบาลไม่สามารถบริหารจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะโรคระบาดยากต่อการควบคุม และการรับมือของรัฐบาลแย่มาก
การใช้ชีวิตยุ่งยาก
ในความเป็นจริงไม่ได้กังวลเรื่องโรคโควิดมากเท่าการจัดการของภาครัฐที่ไม่มีประสิทธิภาพ การเล่นการเมืองหรือผลประโยชน์เรื่องวัคซีน ปัจจัยนี้ทำให้เกิดความกังวลหากติดโรค อาจไม่ได้รับการดูแลที่เพียงพอ และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ประชาชนต้องได้รับอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ประกอบกับการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ได้จัดลำดับความสำคัญของปัญหา อาจเนื่องมาจากความไร้น้ำยาของนายกรัฐมนตรี
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นและงานก็หาได้ยากขึ้น
เพราะถ้ารัฐไม่มีมาตราการที่ดีและเข้มงวดจะเกิดผลเสียหายทุกเรื่องรวมถึงเศรษฐกิจปากท้องประชาชน
แพร่ระบาดได้ง่าย
ด้านรายได้ : ทำให้ที่บ้านรายได้น้อยลง ผปคโดนให้ออกจากที่ทำงาน, ด้านกลัวติดเชื้อไวรัส : เพราะกลัวติดคนในบ้านและผู้อื่น,ด้านผลกระทบต่อสุขภาพจิต : เพราะไม่ได้ออกไปไหนทำให้อู้ดอู้อยู่แต่ในบ้าน มีข่าวด้านลบเยอะ
ต้องทำงานจากบ้านมากขึ้น
ข้อมูลข่าวสารทำให้ต้องตั้งคำถามต่อประสิทธิภาพและการจัดการของภาครัฐกับโควิด-19
เพราะไม่มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในไทย และคนติดเชื้อเยอะมาก ตายก็เยอะ
โควิดเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตเป็นเวลานาน จึงกังวลเรื่องการหาเลี้ยงตัวเอง และ ผลกระทบต่อสุขภาพจิต ในช่วง lock down
รัฐเน้นกระบวนการแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจง โดยใช้มุมมองทางการแพทย์เท่านั้น แต่ไม่มีความรู้ที่ช่วยให้เกิดความเข้าใจในสาเหตุและชุมชน สังคมไม่สามารถจัดการตนเองได้มากกว่านี้ เหมือนการแก้ปัญหา เป็นคอขวด ขาดมุมมองการจัดการปัญหาจากหลายสาขาอาชีพ เหมือนจะมองปัญหาไม่รอบด้าน และต้องคอยตามจัดการข่าวปลอมอีก ห่วงหน้าพะวงหลัง
เพราะการเรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการชีวิตโดยตรง โควิด-19ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และความไม่แน่นอนต่างๆทำให้ต้องดิ้นรนหาทางรับมืออย่างยากลำบาก
ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะติดเชื้อเมื่อไร
ตัดโอกาสหลายๆอย่างในชีวิต เช่น โอกาสในการใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ตามวัยอย่างที่ควรจะเป็น เด็กบางอายุควรที่จะได้พบปะเพื่อน เรียนรู้การใช้ชีวิต แต่กลับต้องมานั่งออนไลน์
เนื่องจากเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ทั่วโลก การรับมือและหาทางแก้ไขร่วมกันเป็นสื่งที่ต้องตระหนักถึงเพื่อความอยู่รอดในทุกภาคส่วน
ไม่มีแนวโน้มว่าสถานการณ์จะดีขึ้น+เชื้อรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เพราะกระทบกับการทำงาน การใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก
ทุกอย่างไม่มั่นคง วางแผนสิ่งที่จะเกิดในอนาคตลำบาก มีการเปลี่ยนแปลงที่ดูแย่ลงอยู่เรื่อยๆ