เกี่ยวกับเรา

About Us

เกี่ยวกับเรา

Thailand Policy Lab คือห้องปฏิบัติการนโยบายก่อตั้งโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทยหรือ UNDP เพื่อเปลี่ยนแปลงกระบวนการออกแบบและกำหนดนโยบายให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน และเท่าทันความท้าทายใหม่ๆ 

Thailand Policy Lab คือใคร

เราคือห้องปฏิบัติการนโยบาย ที่ก่อตั้งโดยสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจําประเทศไทย หรือ UNDP


งานของเราคือการสร้างพื้นที่ที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเชิงนโยบาย หาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เพื่อพัฒนากระบวนการออกแบบนโยบายของประเทศไทยให้มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนวิธีเดิม ๆ ของการสร้างนโยบายจากบนลงล่าง เป็นการเข้าไปสํารวจ รับฟัง ทดลอง และพัฒนาชุดแนวทางการแก้ปัญหา ที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อผลักดันให้เป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ครอบคลุม และเท่าทันอนาคต

5 หัวใจหลักในการทำงานของ Thailand Policy Lab

5 หลักการพื้นฐานสำหรับการออกแบบกระบวนการนวัตกรรมเชิงนโยบายสาธารณะ (5 Core Principles)

01

System Thinking

การคิดเชิงระบบ

02

Human-Centric Approach

การยึด ‘คน’ เป็นศูนย์กลางของ การพัฒนา

03

Inclusive Participation

การมีส่วนรวมแบบองค์รวม

04

Action-Oriented

การมุ่งเน้นการปฏิบัติ

05

Learning-Oriented

มุ่งเน้นการเรียนรู้

02

Human-Centric Approach

การยึด ‘คน’ เป็นศูนย์กลางของ การพัฒนา

การมองคนที่เกี่ยวข้อง เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ และมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นวิธีคิดที่ให้ความสำคัญกับ “ความเป็นมนุษย์”
ของคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในบทบาทต่างๆ ในกระบวนการนโยบาย ในฐานะปัจเจกชนที่มีประสบการณ์กับกระบวนการหรือผลกระทบของนโยบาย นั้น ๆ ผ่านการสะท้อนของความหวัง ความกลัว และการแสดงออกที่แตกต่าง หลากหลาย ในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดเห็น หรือทัศนคติ  และมีมุมมองที่ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีของแต่ละบุคคล ดังนั้นในกระบวนการนโยบายสาธารณะจึงเปิดโอกาสให้มีการทำความเข้าใจปัญหาและปัจจัยในบริบท รวมทั้งการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนต่างๆของประบวนการนโยบาย โดยคำนึงถึงมิติความเป็นมนุษย์ของเขาด้วย

04

Action-Oriented

การมุ่งเน้นการปฏิบัติ

เน้นการปฏิบัติการเพื่อสร้างประสิทธิผลมากกว่าการจัดทำเอกสารแผนที่สมบูรณ์แบบ
เนื่องจากปัญหาและสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนสูงมักจะมีข้อมูลและองค์ความรู้ที่จำเป็นไม่ครบถ้วน ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ดังกล่าวมักมีพลวัตสูง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่เอื้อต่อการทำความเข้าใจทั้งหมดได้อย่างครบถ้วน ซึ่งอาจใช้เวลามากเกินไป รวมทั้งอาจเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ ดังนั้นการทำความเข้าใจที่ดีหรือการออกแบบข้อเสนอเชิงนโยบายที่มีประสิทธิผลจึงต้องมาจากการเรียนรู้ในสถานการณ์จริงที่มีความเป็นรูปธรรมและเฉพาะเจาะจง หรือภาคปฏิบัติการของเรื่องนั้น ๆ (learning by taking action) และในกระบวนการทำงานจริงยังจะต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ และทำความเข้าใจ ก่อนดำเนินการเสมอ เพราะการปฏิบัติการที่สุ่มเสี่ยงเกินไปอาจนำมาซึ่งความเสียหายที่มากเกินแก้ไขได้ (unacceptable cost)

01

System Thinking

การคิดเชิงระบบ

การคิดอย่างเป็นระบบและเห็นภาพรวมของปัญหาเพื่อกำหนดจุดเข้าไปแก้ไข
จำเป็นต้องมีการทำความเข้าใจกับปัญหา หรือสถานการณ์อย่างเป็นระบบ สามารถกำหนดและอธิบายขอบเขตของประเด็นปัญหา กลไก กระบวนการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ที่เกี่ยวข้อง ที่สามารถประกอบขึ้นเป็นโครงสร้างของปัญหาหรือสถานการณ์ ภายในบริบทหรือสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อปัญหา ขณะเดียวกับที่มองเห็นพลวัตรวมทั้งจุดหมายหรือทิศทางที่ระบบนั้น ๆ กำลังเคลื่อนหรือมุ่งไป เปรียบเสมือนการมองเห็นทั้งป่าและต้นไม้ในป่า

03

Inclusive Participation

การมีส่วนรวมแบบองค์รวม

การมีส่วนร่วมที่ครอบคลุมและสร้างสรรค์จะทำให้เกิดนวัตกรรมเชิงนโยบายสาธารณะที่มีประสิทธิผล
การส่งเสริม และสนับสนุนให้กลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนั้น ๆ รวมทั้งกลุ่มที่อาจไม่เคยเกี่ยวข้องหรือไม่เคยมีส่วนร่วมในกระบวนการของเรื่องนั้น ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบายมากขึ้น เพื่อมองเห็นและเข้าใจปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างครบถ้วน ในมุมมองเหมือนหรือแตกต่างกัน อันจะนำไปสู่การให้นิยามปัญหาหรือการออกแบบทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่ต่างไปจากเดิม ซึ่งคาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริงมากขึ้น

05

Learning-Oriented

มุ่งเน้นการเรียนรู้

กระบวนการนโยบายต้องมีการเรียนรู้ตลอดทั้งวงจร
เนื่องจากประเด็นและสถานการณ์นโยบายที่มีความซับซ้อนสูงมักมีข้อมูลและองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องไม่ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ทันสมัย ทันเวลาในการวิเคราะห์ทำความเข้าใจปัญหา การกำหนดออกแบบทางเลือก หรือการตัดสินใจเชิงนโยบาย จึงต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ และเปิดกว้างให้โอกาสกับมุมมองใหม่ ๆ ตลอดเวลา จึงทำให้กระบวนการอาจมีการวนซ้ำเพื่อปรับปรุงสาระการวิเคราะห์หรือข้อเสนอแนะ รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีการทดลองหรือทดสอบเพื่อเข้าใจปัญหาหรือสถานการณ์ หรือเพื่อเรียนรู้ความมีประสิทธิผลของข้อเสนอแนะเชิงนโยบายนั้นๆ รวมทั้งยอมรับความผิดพลาดเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ก่อนขยายผลนโยบายออกไป ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดของเวลาที่จะต้องดำเนินกระบวนการให้แล้วเสร็จ ทันความต้องการในการประยุกต์ใช้ด้วย

กระบวนการออกแบบนวัตกรรมนโยบาย

STEP 01

Policy Journey Exploration
สำรวจพัฒนาการของประเด็นนโยบาย

ทำความเข้าใจบริบทของปัญหา พัฒนาการของปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมารวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริบทแวดล้อม

STEP 02

Policy Journey Exploration
สำรวจพัฒนาการของประเด็นนโยบาย

ทำความเข้าใจบริบทของปัญหา พัฒนาการของปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมารวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริบทแวดล้อม

STEP 03

Policy Journey Exploration
สำรวจพัฒนาการของประเด็นนโยบาย

ทำความเข้าใจบริบทของปัญหา พัฒนาการของปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมารวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริบทแวดล้อม

STEP 04

Policy Journey Exploration
สำรวจพัฒนาการของประเด็นนโยบาย

ทำความเข้าใจบริบทของปัญหา พัฒนาการของปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมารวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริบทแวดล้อม

STEP 05

Policy Journey Exploration
สำรวจพัฒนาการของประเด็นนโยบาย

ทำความเข้าใจบริบทของปัญหา พัฒนาการของปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมารวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริบทแวดล้อม

STEP 06

Policy Journey Exploration
สำรวจพัฒนาการของประเด็นนโยบาย

ทำความเข้าใจบริบทของปัญหา พัฒนาการของปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมารวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริบทแวดล้อม

STEP 07

Policy Journey Exploration
สำรวจพัฒนาการของประเด็นนโยบาย

ทำความเข้าใจบริบทของปัญหา พัฒนาการของปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมารวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริบทแวดล้อม

STEP 08

Policy Journey Exploration
สำรวจพัฒนาการของประเด็นนโยบาย

ทำความเข้าใจบริบทของปัญหา พัฒนาการของปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมารวมทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริบทแวดล้อม

3 เสาหลักในการทำงานของ Thailand Policy Lab

Pillar

1

การพัฒนากระบวนการและพื้นที่เพื่อการพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบาย (Policy Innovation Exploration and Experimentation) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างพื้นที่และเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทดลองนวัตกรรมเชิงนโยบาย

Pillar

2

การยกระดับขีดความสามารถของผู้จัดทำนโยบาย (Capacity Building on Policy Innovation) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างองค์ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์การใช้เครื่องมือการพัฒนานโยบายใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้และขยายผลให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำยุทธศาสตร์และนโยบายของประเทศได้อย่างยั่งยืน

Pillar

3

การสร้างและพัฒนาเครือข่ายนวัตกรและผู้จัดทำนโยบาย (Learning Community of Innovators) มีวัตถุประสงค์มุ่งเน้นการพัฒนาเครือข่ายผู้จัดทำนโยบายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในการสร้างสรรค์แนวทางการแก้ไขปัญหา/พัฒนานโยบายสาธารณะแห่งอนาคตผ่านการใช้นวัตกรรมที่หลากหลายและเหมาะสม

งานของเรา
การขับเคลื่อนนวัตกรรมนโยบายและการพัฒนานโยบาย
คลังความรู้
เรียนรู้ด้านนวัตกรรมนโยบาย
ร่วมกับเรา
ร่วมพัฒนากระบวนการนโยบายสาธารณะกับเรา
Back to Top