Vanessa Lefton และ Pina Sadar ประจำห้องปฏิบัติการนโยบาย (Policy Lab) ของอังกฤษอธิบายว่า Policy Lab ของสหราชอาณาจักร เป็นทีมนวัตกรรมของรัฐบาลที่ประกอบด้วยสหวิชาชีพ เช่น ศิลปิน นักออกแบบ ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาเอก และ นักชาติพันธุ์วิทยา ที่บางครั้งพวกเราเรียกตัวเองว่า “กระทรวงแห่งจินตนาการ”
Policy Lab ทำงานอย่างไร
หลักๆ มีด้วยกัน 4 วิธี
- การร่วมมือกับหลายภาคส่วน
- การออกแบบและกำหนดนโยบายร่วมกับรัฐบาล ทั้งในระยะยาวและระยะสั้น
- การฝึกอบรมและการสร้างการเรียนรู้ และการนำเสนอต้นแบบของนโยบาย
- การวางแผนนโนบายสำหรับอนาคต
การออกแบบที่ “ล้มเร็ว ลุกเร็ว”
ตั้งแต่ปี 2014 UK Policy Lab ทำมาแล้วมากกว่า 100 โครงการ ที่ร่วมกับข้าราชการมากกว่า 1,000 คน โดยทั่วไปแล้ว UK Policy Lab ทำงานร่วมกับรัฐบาลกลางของอังกฤษ แต่มีบางครั้งที่ทำงานร่วมกับนานาชาติ โดยครอบคลุมนโยบายที่แตกต่างหลากหลาย
UK Policy Lab เน้นการออกแบบที่ “ล้มเร็ว ลุกเร็ว” ซึ่งหมายถึง เราจะพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อหาหลักฐานเชิงประจักษ์ และหาแนวคิดใหม่ๆ การวิเคราะห์แบบดั้งเดิมมักจะเริ่มจากการวิจัยไปสู่หนทางแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ แต่วิธีการของเราจะมุ่งไปที่การเรียนรู้และทบทวนแบบกลับไปกลับมาเกี่ยวกับปัญหานั้นๆ เพื่อทดสอบและทดลองว่านโยบายของเรามีปัญหาหรือไม่ และควรแก้ไขอย่างไร เพื่อเข้าใจและตอบสนองต่อประเด็นนโยบายนั้นๆ ได้ดีขึ้น
การออกแบบนวัตกรรมนโยบายต้องให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง
การออกแบบนวัตกรรมเชิงนโยบายต้องให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางและสร้างสรรค์ร่วมกัน โดยมีวิธีการศึกษาปัญหาแบบใหม่ ที่มีกรอบการทำงานแบบ Double Diamond ซึ่งมี 2 ขั้นตอนคือ ค้นหาเพื่อระบุปัญหา พัฒนาแนวคิด และส่งมอบแนวคิดเหล่านั้น
การกำหนดนโยบายแบบเปิด
- การค้นพบ ขั้นตอนนี้เป็นการเปิดความคิด ค้นหาหลักฐาน และตั้งสมมุติฐาน ซึ่งเป็นวิธีที่เรียบง่ายและเห็นภาพชัดเจน ที่สามารถกำหนดผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อประเด็นนั้นๆ ได้แม่นยำ เพื่อร่วมทบทวนและนำเสนอความคิดและหลักฐาน
- นิยามปัญหา ก่อนจะนิยามปัญหา เราต้องรวบรวมข้อมูลหลักฐานที่หลากหลาย และผ่านการทำวิจัยแบบชาติพันธุ์วิทยา ซึ่งจะช่วยให้สามารถตั้งคำถามต่อปัญหานั้นๆ ได้แม่นยำยิ่งขึ้น เพราะการถามคำถามที่ถูกต้องมีผลอย่างมากต่อการกำหนดนโยบาย
- พัฒนาแนวคิด
- เครื่องมือที่ 1 คือ การสร้างแนวคิด เรามักพบว่าการใช้คำถาม “สมมุติว่า” สามารถช่วยให้ความคิดใหม่ๆ ปรากฎออกมาได้ ในขั้นตอนนี้ เราพยายามคิดถึงแนวคิดที่มีความหลากหลายไว้ก่อน มากกว่าจะค้นหาแนวคิดในอุดมคติเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นคำตอบของปัญหา บ่อยครั้งความคิดที่แตกต่างกันอาจมาประสานกันหรือเป็นแรงบันดาลใจได้
- เครื่องมือที่ 2 คือ การสร้างแนวคิดอย่างรวดเร็ว นี่จะเป็นการลดเวลาที่แต่ละคนต้องใช้ในการคิด และเกือบจะคล้ายกับการเล่นเกมส์ คุณเพียงให้เวลาผู้เข้าร่วมเขียนหรือร่างแนวคิดออกมา และทำซ้ำหลายๆ ครั้ง อาจจะหกหรือเจ็ดครั้ง เพื่อให้เกิดไอเดียใหม่ๆ มากมายได้อย่างรวดเร็ว
- เครื่องมือที่ 3 คือ การวางรูปแบบการดำเนินการของรัฐบาล เป็นกรอบที่ช่วยให้เราเข้าใจและออกแบบวิธีต่างๆ ที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ คุณจะเห็นบทบาทต่างๆ ที่รัฐบาลสามารถเป็นได้จากบนลงล่าง ตั้งแต่บทบาทของการออกกฎหมายไปจนถึงการดำเนินการที่นุ่มนวลกว่า เช่น การร่วมมือกับผู้อื่นหรือทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ
- เครื่องมือที่ 4 คือ บัตรคำแห่งการเปลี่ยนแปลง คือเกมส์ที่คุณสามารถทดลองเล่นได้ในข้อจำกัดต่างๆ เพื่อสามารถพิจารณาสถานการณ์ทั้งหลายที่ต่างกันออกไป
- เครื่องมือที่ 5 คือ การ co-design เป็นเครื่องมือที่ดึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาสู่ขั้นตอนการออกแบบหรือการพัฒนานโยบาย ซึ่งมักเป็นพลเมือง ผู้ใช้นโยบาย หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบาย ที่จะแสดงให้เห็นถึงบันไดแห่งการมีส่วนร่วมที่ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ในแต่ละขั้นตอน
- นำเสนอแนวคิด เป็นขั้นตอนที่นำเสนอแนวคิดหลังจากผ่านการออกแบบแล้วข้างต้น และอาจนำไปสู่การทดสอบกับกลุ่มประชากรจำนวนจำกัด เพื่อเห็นผลลัพธ์ก่อนที่จะประกาศหรือบังคับใช้
กฎของการออกแบบนโยบาย คือการใช้กระบวนการอำนวยความสะดวกแทนที่จะชี้นำ
เทคนิกทั้งหมดจะมุ่งเน้นการดึงเสียงของประชาชนให้กลับเข้ามาสู่กระบวนการกำหนดนโยบาย และกฎของการออกแบบนโยบาย คือการใช้กระบวนการอำนวยความสะดวกแทนที่จะชี้นำ และเป็นการทำงานกับประชาชนที่มุ่งสนับสนุนให้ประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของนโยบาย ที่สร้างขึ้นและนำมาปรับใช้ในบริบทของพวกเขา
กระบวนการกำหนดนโยบายที่กำลังสำรวจและค้นคว้าอยู่ในขณะนี้
- จินตภาพทางศีลธรรม คือการคิดเกี่ยวกับนโยบายโดยมองผ่านเลนส์ระยะยาว และให้ผู้คนมีส่วนร่วมในบทสนทนาเกี่ยวกับแนวทางระยะยาวนั้นๆ
- โรงละครนิติบัญญัติ เป็นวิธีใหม่ในการใช้ละครและการแสดง ที่เปิดให้ประชาชนมามีส่วนร่วมและส่งเสียงร่วมกับหน่วยงาน และสร้างบทสนทนากับผู้มีอำนาจตัดสินใจ กระบวนการนี้ได้มีการนำไปปฎิบัติจริงในระดับท้องถิ่น
- Metaverse ที่เกี่ยวกับการจำลองโลกจริงในรูปแบบดิจิตอล เพื่อให้คาดการณ์ได้ดีขึ้นว่ารัฐบาลควรจะตอบรับหรือตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ อย่างไร
- การออกแบบปฏิรูปใหม่ ที่มองถึงบทบาทของรัฐบาลในการฟื้นฟูระบบธรรมชาติ เป็นแนวคิดในการทำ “ดี” ให้มากขึ้น มากกว่าทำ “ไม่ดี” ให้น้อยลง