ยิ่งเวลาเดินหน้ามาไกล โลกก็ยิ่งเจอความท้าทายที่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี การสั่นสะเทือนของภูมิรัฐศาสตร์โลก หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หลายประเทศกำลังมองหาแนวทางวิธีการออกแบบนโยบายใหม่ๆ ซึ่งหนึ่งในแนวทางคือ “ห้องปฏิบัติการนโยบาย” (Policy Lab)
Data Visualization รวบรวมข้อมูลจากการกวาดความคิดเห็นของคนบนโลกออนไลน์ (Social Listening) เกี่ยวกับสุขภาพจิตเยาวชน มากกว่า 100,000 ข้อความ และ 10 ล้าน Social Media Engagement
Online
Courses
คอร์สออนไลน์
แพลตฟอร์มส่งต่อและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านนวัตกรรม เชิงนโยบายกับนักออกแบบนโยบายระดับประเทศและนานาชาติ รวมถึงสาธารณชนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ
Participate
Events
ร่วมกิจกรรม
กิจกรรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้าน
นวัตกรรมนโยบายให้กับประเทศไทย
Upcoming
Vocab of The Week
แนะนำคำศัพท์ด้านนโยบาย
Queering public policy
การเพิ่มความเควียร์ให้กับนโยบายสาธารณะ คือการเปลี่ยนนโยบายสาธารณะให้เป็นเครื่องมือรับใช้คนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังมาโดยตลอด ซึ่งคือคนที่ออกจากกรอบจารีตประเพณีแบบชายหญิงรักต่างเพศ
ตัวอย่าง
หลายคนได้แสดงความกังวลว่านโยบายรัฐสวัสดิการและสิทธิแรงงานจะเดินตามบรรทัดฐานของชายหญิงรักต่างเพศ ยกตัวอย่างเช่นสิทธิในการลา ซึ่งผูกพันกับแนวคิดเรื่องครอบครัว โดยทั่วไปแล้วพอพูดถึงครอบครัวเรามักนึกถึงพ่อแม่ลูก การใช้สิทธิวันลาเพื่อกลับไปดูแลครอบครัวถือเป็นเรื่องปรกติและกลายมาเป็นสิทธิตามกฎหมาย ทว่าหากคนที่เราต้องดูแลไม่ใช่คนในครอบครัว หรือไม่ใช่คนด้วยซ้ำ การใช้สิทธิวันลาอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ยกตัวอย่างเช่นการลาเพื่อไปดูแลสัตว์เลี้ยงหรือคนที่ไม่ได้ผูกพันทางสายเลือดแต่นับเป็นสมาชิกในครอบครัว สิ่งนี้ยังไม่ใช่สิทธิตามกฎหมาย และหากจะลาเพื่อการนี้ก็ต้องรอให้ทางองค์กรพิจารณาความเหมาะสมเสียก่อน หากถูกปฏิเสธก็ไม่อาจใช้กฎหมายประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิได้
Undeservedness
กรอบแนวคิดว่าบนโลกนี้มีคนที่ไม่สมควรสงเคราะห์ ทำให้เกิดการแบ่งแยกว่าประชากรกลุ่มหนึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของนโยบายสาธารณะ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งไม่ใช่ความรับผิดชอบของรัฐ นักนโยบายที่มีความคิดเช่นนี้มักเข้าใจภาวะเปราะบางว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะคนทำตัวเอง (หรือไม่ทำอะไร) กรอบแนวคิดนี้เมินปัจจัยทางสังคมที่กำหนดคุณภาพชีวิตของผู้คน
ตัวอย่าง
มีผู้คนมากมายวิจารณ์กรอบคิดเกี่ยวกับคนที่ไม่สมควรสงเคราะห์ เพราะมันกีดกันและประนามผู้ขอความช่วยเหลือในการเยียวยาความเหลื่อมล้ำ ยกตัวอย่างเช่นรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ได้ตีพิมพ์รายงานเกี่ยวกับการพิชิตความยากจน ซึ่งระบุว่าปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้คือจริยธรรมการทำงานที่ถดถอยของประชากร (เช่น พึ่งพาตัวเองน้อยไป) ทำให้ทรัพยากรไปตกอยู่กับคนจนที่จริงๆ แล้วมีศักยภาพมากพอจะเลื่อนชนชั้นได้ หลายคนวิจารณ์ว่ากรอบนโยบายเช่นนี้ผูกสวัสดิการรัฐไว้กับการทำตัวให้น่าสงเคราะห์ในสายตาผู้ให้ความช่วยเหลือ อีกทั้งยังปิดบทสนทนาเกี่ยวกับอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดแรงงานแต่แรก หรือระบบเศรษฐกิจที่ต้องการคนทำงาน แต่ไม่เคยทำงานเพื่อคนเลย เพราะแม้คนจนจะทำงานอย่างหนักตั้งแต่รุ่นยายสู่รุ่นหลานก็ไม่สามารถหลุดจากภาวะยากจนได้
Big Data
Big Data หมายถึง ข้อมูลปริมาณมหาศาลที่มีความหลากหลาย ซับซ้อน และถูกผลิตโดยเครื่องมือต่างๆ เนื้อหาข้อมูลของบิ๊กดาต้านั้นมีตั้งแต่ข้อมูลวิทยาศาสตร์ (อาทิ แบบแผนการตกของฝนในระดับภูมิภาค) จนไปถึงข้อมูลส่วนตัว (ร่องรอยทางดิจิทัลที่เราทิ้งไว้บนโซเชียลมีเดีย) ที่มาของบิ๊กดาต้านั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่ผู้คน เทคโนโลยีอัจฉริยะ ไปจนถึงเซ็นเซอร์ ประโยชน์ของบิ๊กดาต้าคือ มันสามารถถูกนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรได้
ตัวอย่าง
ตัวอย่างเช่น UNDP Ethiopia ร่วมมือกับบริษัทวิเคราะห์ดาต้าชื่อ InnoConnect และองค์การจัดการจราจรแห่งเมือง Addis Ababa จัดทำบทวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ และทำแผนที่วิเคราะห์เหตุรถชนในเมือง Addis Ababa เพื่อแสดงให้เห็นว่าเหตุรถชนในเมืองเกิดขึ้นตรงไหนบ้าง บทวิเคราะห์ที่อาศัยบิ๊กดาต้านี้เผยให้เห็นถึงปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับออกแบบนโยบายเพิ่มความปลอดภัยทางถนนเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
Intergeneration
Intergeneration หมายถึง การข้องเกี่ยวกันระหว่างผู้คนต่างวัยในแง่ของนโยบายสาธารณะ ทว่า นโยบายระหว่างวัยไม่ได้จดจ่ออยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว แต่นำอนาคตมาเป็นปัจจัยสำคัญของการออกนโยบายด้วย โดยมองว่าปัญหาสังคมต่างๆ นั้นส่งผลกระทบต่อผู้คนนับตั้งแต่อดีตจวบจนภายภาคหน้า นอกจากนี้นโยบายระหว่างวัยยังถูกออกแบบให้ครอบคลุมความสัมพันธ์ใกล้ชิดและการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างคนต่างวัย รวมไปถึงความต้องการที่ทุกคนทุกวัยมีร่วมกัน
ตัวอย่าง
นับตั้งแต่ปี 2012 UNDP ได้ดำเนินโครงการเสริมพลังเยาวชนชื่อว่า “YouthConnekt” จุดประสงค์ของโครงการนี้คือช่วยให้เยาวชนในแอฟริกาที่สนใจการพัฒนาได้ทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญในสายงานอาชีพต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่สามารถผลักดันพวกเขาในเชิงเศรษฐกิจได้ ตลอดระยะเวลา 10 ปี โครงการนี้ได้ส่งเสริมนักธุรกิจที่เป็นเยาวชนมากกว่า 100,000 คน ผ่านการให้ความรู้ด้านการประกอบธุรกิจเพื่อสังคม โอกาสฝึกงาน และเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ นี่เป็นส่วนหนึ่งของ UN Youth Strategy ซึ่งให้ความสำคัญกับการเสริมพลังเยาวชนควบคู่ไปกับความร่วมมือระหว่างคนต่างวัย